ราชทัณฑ์ เร่งสอบหาข้อเท็จจริง กรณี ตำรวจยิงครอบครัว ดับ 4 ศพ

ราชทัณฑ์ เร่งสอบหาข้อเท็จจริง กรณี ตำรวจยิงครอบครัว ดับ 4 ศพ

ราชทัณฑ์ เผยเร่งสอบกรณี ตำรวจยิงครอบครัว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ คาดปัญหาครอบครัวเป็นมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุรุนแรง เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแถลงถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดเรือนจำจังหวัดพิจิตร ก่อเหตุอุกอาจยิงสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต 4 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย คาดเป็นปัญหาภายในครอบครัว

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผย 

กรณีที่เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพิจิตร ก่อเหตุยิงผู้อื่นด้วยอาวุธปืนที่บ้านพักส่วนตัว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ซึ่งเป็นคนในครอบครัวและญาติของภรรยา เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 นั้น

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายพุทธวรรณ มั่นปาน เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานสูทกรรม สังกัดเรือนจำจังหวัดพิจิตร โดยใช้อาวุธปืนส่วนตัวยิงคนภายในครอบครัวเสียชีวิต 4 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ในวันก่อเหตุ นายพุทธวรรณฯ อยู่ระหว่างการพักเวรปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 7 วัน (วันที่ 3-9 กันยายน) ในบ้านพักของตนเองตามปกติ ตามแผนบริหารกำลังพลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าเกิดจากปัญหาภายในครอบครัว เนื่องจากที่ผ่านมาไม่พบว่ามีปัญหาหรือขัดแย้งกับผู้ใดในการทำงาน กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อผู้สูญเสียทุกฝ่าย และขณะนี้ได้ดำเนินการรวบรวมพยานเอกสารหลักฐาน และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมทั้งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว และจะเร่งดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้อำนวยการทัณฑสถานทั่วประเทศให้ดูแลบุคลากรในสังกัดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติงานที่ตรากตรำมากกว่าปกติ การบริหารกำลังพลจึงต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียทั้งต่องานที่ทำและต่อผู้ปฏิบัติงานได้ โดยในส่วนของการเยียวยาผู้เสียหาย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อเข้าช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายเป็นการเร่งด่วนแล้ว

นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นประเด็นที่กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญและมีความห่วงใยอยู่เสมอ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับเพิ่มตำแหน่งนักจิตวิทยา ให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และดูแลในด้านสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อให้สามารถสร้างสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม ไม่ให้เกิดผลเสียต่อประสิทธิภาพในการทำงาน หรือสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงการดำเนินชีวิต และครอบครัวของผู้ปฏิบัติงานได้ในอนาคต

ด้าน พ.ต.อ. ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหานายเสี่ยว หรือ อาผะ เพิ่มเติมในข้อหาพรากผู้เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา แต่อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างชัดเจนว่า น้องจีน่าถูกอุ้มและนำไปซ่อนตัวไว้ที่อื่น ก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่และถูกกดดันจนผู้กระทำผิดต้องนำตัวน้องจีน่าไปทิ้งไว้ที่กระท่อมจนพบตัว จึงมั่นใจได้ว่าคดีนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุอีกหลายคน

พบเบาะแสคดี ฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ตร.เร่งตามตัวสอบชายต้องสงสัย

ความคืบหน้า คดี ฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ล่าสุด พบเบาะแสชายต้องสงสัย นั่งดื่มสุราหน้าร้านลาบใกล้จุดเกิดเหตุ

เหตุการณ์นี้ เกิดในคืนวันที่ 6 ก.ย.64 ผู้เสียชีวิต น.ส.หยดน้ำ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี กลับจากทำงานและเดินมาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้เพื่อขับเข้าหมู่บ้าน ท่ามกลางฝนตกคนร้ายใช้มีดทำครัว ก่อเหตุปาดคอผู้เสียชีวิต ส่วนรถจยย.ของผู้เสียชีวิตและกระเป๋าหายไป ก่อนที่ต่อมาจะพบเอกสารสำคัญ ถูกทิ้งห่างไป 150 เมตร

ล่าสุดจากรายงานของรายการข่าว เช้านี้ที่หมอชิต ช่อง7HD ระบุ พบเบาะแสผู้ต้องสงสัยเป็นชายคนหนึ่ง ที่คืนเกิดเหตุนั่งดื่มสุราอยู่ในซุ้มหน้าร้านลาบ ใกล้จุดที่พบศพหญิงอายุ 23 ปี แต่เบื้องต้นยังไม่สรุปว่าใช่คนร้ายหรือไม่ ตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวน

ขณะที่ สามีของผู้เสียชีวิต เผยว่า อยู่กินกับภรรยามานาน 7 ปี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร และไม่เคยทะเลาะกัน ทำงานก็กลับบ้าน แต่วันดังกล่าวเห็นว่าสามทุ่มกว่า ภรรยาไม่กลับบ้าน จึงโทรตาม แต่ติดต่อไม่ได้ จึงออกตามหา แต่ไม่เจอตัว กระทั่งมาพบว่าภรรยาถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด จึงอยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้

“ คุณสมบัติของผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้านหรือมีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน ซึ่งมีทั้งประเภทบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยประเภทบุคคลต้องมีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ส่วนประเภทกลุ่มบุคคลจะต้องมีผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท วงเงินกู้สำหรับบุคคลไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 2 ปี ขณะที่กลุ่มบุคคลมีวงเงินกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปี โดยตั้งแต่ปี 2548 – ปัจจุบัน มีผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางาน จำนวน 1,013 ราย/กลุ่ม สมาชิกจำนวน 5,851 คน และมีผู้กู้เงินจากกองทุนฯแล้ว จำนวน 500 ราย/กลุ่ม (29 ราย/471 กลุ่ม) เป็นเงิน 50,566,000 บาท ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป